ไก่ชนนั้นมีการเล่าต่อกันว่ามีมาตั้งแต่สมัยก่อน โดยกติกาดั้งเดิมในตอนแรกนั้นไม่มีอะไรมาก ก็คือ เอาไก่สองตัวมาตีกัน โดยให้ตีกันไปเรื่อยๆ จนกว่าจะมีผลออกมาว่าผลแพ้ชนะ ไม่มีการพักยกให้น้ำไก่ ไม่มีการพันเดือยดังเช่นทุกวันนี้ รู้ผลแพ้ชนะเมื่อไหร่เป็นอันจบและเลิกชนทันที
ต่อมาความนิยมของไก่ชนก็มากขึ้นเรื่อยๆ จนเป็นที่รู้จักของผู้คนทั่วไป ด้วยความนิยมที่มากขึ้นเรื่อยๆ จึงทำให้มีกฎกติกาต่างๆ ได้มีการพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ตามลำดับ เช่น เริ่มมีการจับเวลา โดยใช้วิธีการ นำกะลามะพร้าว หรือขันที่เจาะรูมาวางลอยในภาชนะใส่น้ำ อาทิ ตุ่มน้ำ โอ่งน้ำ ครุถัง กะละมัง หรืออะไรก็ตามแต่ที่จะหาได้ในท้องถิ่นนั้นๆ จากนั้นเมื่อสิ่งที่นำมาลอยน้ำนั้นจมน้ำก็ให้ถือว่าหมดเวลาชน
ซึ่งการที่กะลาหรือสิ่งอื่นๆ ที่เรานำมาลอยน้ำนั้นจมน้ำลงไปจะเรียกว่า “หมดหนึ่งอัน” ก็จะมีการให้ไก่ได้พักเหนื่อย และเริ่มมีการรู้จักการให้น้ำไก่ก็เพราะมีการพักยกนี้ โดยเวลาพักยกนี้ก็จะมีการใช้กะลาหรือสิ่งอื่นๆ ที่เรานำมาลอยน้ำแล้วรอให้จมจึงถือว่าหมดเวลาพักเช่นเดียวกัน โดยจะตีหนึ่งอันแล้วก็พักหนึ่งครั้งสลับกันไปเรื่อยๆ ส่วนจะชนกันกี่อันนั้น ก็อยู่ที่ว่าเจ้าของทั้งสองฝ่ายจะตกลงกัน
ย้อนกลับมาที่ปัจจุบัน
กติกาไก่ชนในปัจจุบันนั้นแบ่งออกเป็น 2 แบบใหญ่ๆ ซึ่งในแต่ละสนามชนไก่นั้นจะมีกติกาที่คล้ายกับที่เราจะพูดถึงนี้ แต่อาจจะไม่เหมือนทั้งหมดก็แล้วแต่ท่องถิ่นกันไป แต่ก็ยังมีการชนไก่กันเป็นยกอยู่ ซึ่งในวงการก็ยังนิยมเรียกว่า “อัน” เหมือนในสมัยก่อนอยู่
(ขอบคุณข้อมูลจาก : gaichon , kaichon)
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น